เที่ยวไป เรียนรู้ไป ณ จังหวัดสุโขทัย
เที่ยวไป
เรียนรู้ไป ทริปที่สอง เราได้ร่วมเดินทางกับทาง สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุม
และนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) ร่วมเดินทางไปยังจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการรองรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์
(MICE – Meeting, Incentive, Convention, Exhibition) อีกจังหวัดหนึ่ง
มีความน่าสนใจอย่างไร ไปดูกัน
“สุโขทัย” มาจากสองคำ คือ “สุข + อุทัย” มีความหมายว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข” จังหวัดสุโขทัย
เป็นที่ตั้งอาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อ 700 ปีที่แล้ว รอยอดีตแห่งความรุ่งเรืองพบได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
และศรีสัชนาลัย ซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวไทย และชาวต่างประเทศ
ทริปสุโขทัย
เราจะพาไปศึกษาประวัติศาสตร์ ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
เยี่ยมชมแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย กราบนมัสการไหว้พระ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร ศึกษาดูงาน ศูนย์การเรียนรู้ทางวัฒนธรรม
และภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว
และศึกษาดูงานแหล่งทำเครื่องทองสุโขทัย
การเดินทางไปยังสุโขทัย เราเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน
ซึ่งเครื่องบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยัง สุโขทัย มีสายการบินเดียว นั่นก็คือ
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ และมี 2 เที่ยวบินต่อวัน
เราเลือกเที่ยวบินที่ PG211 เวลา 07.00 – 08.15 น. ข้อดีของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ฟรีโหลดกระเป๋า น้ำหนักไม่เกิน 15
กิโลกรัม และสามารถใช้บริการเล้าจ์ของบางกอกแอร์เวย์ได้ด้วย
เราไม่พลาดกับ ข้าวต้มมัด ที่ใครๆ
ต่างกล่าวขาน ว่า มานั่งเล้าจ์บางกอกแอร์เวย์แล้ว ต้องลองชิมข้าวต้มมัด
ลองชิมแล้วก็อร่อยตามที่ใครๆ กล่าวถึงจริงๆ
“ผู้โดยสารที่ไปกับบางกอกแอร์เวย์
เที่ยวบินที่ PG211 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปยังจังหวัดสุโขทัย
ขอให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ณ ประตูทางออกหมายเลข A7 ค่ะ”
เสียงเพราะๆ จากเจ้าหน้าที่เรียกให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง
เราต้องนั่งรถบัสไปยังตัวเครื่องบิน ซึ่งเครื่องบินจะเป็นเครื่องใบพัด
สามารถจุจำนวนคนได้ 70 ที่นั่ง
เมื่อเครื่องบิน
ขึ้นสู่น่านฟ้า พนักงานได้เสิร์ฟอาหารว่าง เที่ยวบินนี้ เสิร์ฟด้วยเมนู
ไก่ผัดวุ่นเส้น พร้อมเสิร์ฟด้วยผลไม้ ตามฤดูกาล
เราใช้เวลาเดินทาง
1 ชั่วโมง 15 นาที
ก็มาถึงท่าอากาศยานสุโขทัย เป็นสนามบินแห่งแรก และแห่งเดียวที่ใช้รถรางรับส่งผู้โดยสาร
การออกแบบอาคารผู้โดยสาร เป็นลักษณะทรงไทย เปิดโล่ง ตามศิลปะสุโขทัยโบราณ โดยตัวอาคารสามารถรองรับผู้โดยสารทั้งขาเข้า และขาออก อาคารละ 150 คน
สถานที่แห่งแรก ที่เราจะไปศึกษาประวัติศาสตร์ คือ “อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย” เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม โบราณสถานอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี
จากท่าอากาศยานสุโขทัย ไปยัง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
เราเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดยรถราง จะมีวิทยากรนำชม และให้ความรู้เกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
อัตราค่าธรรมเนียมเข้าชม อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
- นักท่องเที่ยวชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท
- บัตรรวม นักท่องเที่ยวชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท ซึ่งบัตรรวมสามารถเข้าชมอุทยานฯ ต่างๆ ในจังหวัดสุโขทัยได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน
- กรณีนำยานพาหนะเข้าเขตโบราณสถานตัองเสียค่าธรรมเนียมด้วย
- ค่าบริการรถราง นำชมรอบๆ บริเวณอุทยานฯ นักท่องเที่ยวชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 20 บาท
- บริการรถจักรยาน ให้เช่าในราคาคันละ 20 บาท
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 21.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเวลา 18.00 น.)
หมายเหตุ ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 – 21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะ และต้องการวิทยากรนำชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เบอร์โทร 055-697310
แผนที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
แผนที่ จาก เว็บไซต์ >>>>> https://sites.google.com/site/sukhothaihistory/phaenthi-phayni-xuthyan-prawatisastr-sukhothay
เรานั่งรถรางเที่ยวชมรอบอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โบราณสถานแรกที่เราแวะชม นั่นคือ “วัดศรีสวาย”
วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ และอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศใต้ โบราณสถานสำคัญประกอบไปด้วยปรางค์ 3 องค์ ที่มีรูปแบบศิลปะลพบุรี ได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม แต่ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ยๆ มีลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ ส่วนด้านหน้าขององค์ปรางค์ มีวิหาร 2 หลังที่สร้างเชื่อมต่อกัน โบราณสถานทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงก่อด้วยศิลาแลง
เราสามารถเช่าจักรยานปั่นภายในอุทยานประวัติศาสต์สุโขทัยได้ ซึ่งเช่าคันละ 20 บาท แต่ละโบราณสถานจะมีจุดจอดรถจักรยานให้ด้วย
โบราณสถานที่ ที่ต่อไป คือ “วัดสระศรี”
วัดสระศรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ วัดนี้มีความงดงามมากอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากตั้งอยู่กลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ชื่อว่า “ตระพังตระกวน” โบราณสถานสำคัญประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงระฆัง วิหาร อุโบสถ (โบสถ์) และเจดีย์ขนาดด่างๆ รวม 9 องค์
เจดีย์ทรงระฆัง ของวัด เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการรับพุทธศาสนาจากลังกาของสุโขทัย บางครั้งจึงเรียกเจดีย์แบบนี้ว่า เจดีย์ทรงลังกา
สถานที่ต่อไป คือ “อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง”
ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2 เท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน แท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้างๆ ลักษณะพระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ที่ถ่ายทอดความรู้สึกว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา ยุติธรรม มีความเด็ดขาดในการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย
บริเวณใกล้เคียงกัน จะมีกระดิ่งพ่อขุน อยู่ใกล้กับที่บูชาดอกไม้ ธูปเทียน
กระดิ่งพ่อขุน กระดิ่งนี้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2529 โดยจำลองแบบตามกระดิ่งที่ขุดได้จากฐานพระเจดีย์กลางเมืองสุโขทัย เพื่อน้อมถวายเป็นราชสักการะ และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความรัก อันศักสิทธิ์ ยุติธรรม ต่อไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
กระดิ่งพ่อขุน จึงเป็นกระดิ่งแห่งความสุข และนิมิตรหมายว่า เมืองไทยจะร่มเย็นเป็นสุข มีชื่อเสียงกังวาลอยู่ในจิตใจของชาวโลกตลอดนิรันดร์กาล
โบราณสถานที่ต่อไป คือ “วัดมหาธาตุ”
วัดมหาธาตุ เป็นวัดสำคัญที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุโขทัย มีกำแพง และคูน้ำล้อมรอบ ภายในวัดประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงพุ่มข้างบิณฑ์ หรือทรงยอดดอกบัวตูม, วิหาร, มณฑป, อุโบสถ และเจดีย์รายมีจำนวนมากถึง 200 องค์
เจดีย์ประธานทรงยอดดอกบัวตูม แสดงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยบริสุทธิ์ รายล้อมด้วยปรางค์ทิศ 4 องค์ ที่แสดงอิทธิพลศิลปะขอม และเจดีย์ประจำมุมอีก 4 องค์ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอด ที่มีอิทธิพลของศิลปะล้านนา รอบฐานเจดีย์ประธานประดับด้วยภาพปูนปั้นพระสาวกในท่าอัญชุลีเดินประทักษิณโดยรอบจำนวน 168 รูป
เจดีย์ประธานขนาบข้างด้วยมณฑป 2 หลัง ภายในประดิษฐาน พระอัฏฐารศ หรือพระพุทธรูปยืนสูง 18 ศอก
ด้านหน้าของเจดีย์ประธาน เป็นที่ตั้งของพระวิหารหลวง สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ หรือพระพุทธรูปทองที่ปรากฏชื่ออยู่ในศิลาจารึกหลักที่ 1
โบราณสถานที่ต่อไป คือ “วัดศรีชุม”
วัดศรีชุม ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โบราณสถานที่สำคัญได้แก่ มณฑป เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย ขนาดความสูง 15 เมตร หน้าตักกว้าง 10.30 เมตร ที่ปรากฏในศิลาจารึกที่ 1 ว่า พระอจนะ มีความหมายว่าผู้ไม่หวั่นไหว
วัดศรีชุมมีสิ่งโดดเด่น คือ อุโมงค์ ในช่องผนังของมณฑป มีภาพจารลายเส้นบนแผ่นหินชนวน เล่าเรื่องอดีตชาติต่างๆ ของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า ชาดก บางภาพมีลักษณะทางศิลปกรรมคล้ายกับศิลปะลังกา โดยมีอักษรสมัยสุโขทัยกำกับบอกเรื่องชาดกไว้ด้วย ซึ่งปัจจุบัน อุโมงค์นี้ ไม่เปิดให้บริการเข้าชม
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในอดีตเมืองสุโขทัย ซึ่งเคยเป็นราชธานีของไทยที่มีความเจริญรุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางปกครอง ศาสนา และเศรษฐกิจ ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสุโขทัยได้อย่างดีเยี่ยม
สถานที่ต่อไปที่เราเยี่ยมชม เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่สนามบินแห่งเดียวของโลก นั่นคือ “โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย”
โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย เกิดขึ้นจากพื้นที่รอบนอกของสนามบินสุโขทัยบางส่วนเป็นทุ่งโล่ง ไม่ได้ถูกใช้งาน จึงเริ่มจากการลองปลูกข้าวไม่ใช้สารเคมีในพื้นที่ 3 ไร่ เมื่อปี พ.ศ. 2542 และเริ่มขยายเป็นแปลงนามากกว่า 200 ไร่ ในอีก 6 ปีถัดมา ได้ก้าวเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2549 ภายใต้ชื่อ “โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย”
แผนที่ โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย
แผนที่ จากเว็บไซต์ >>>>> http://kaohomsukhothai.in.th/way4.htm
ทางโครงการได้นำรถอีแต๋น มารับพวกเรา เพื่อเยี่ยมชม และทำกิจกรรมภายในโครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย
ก่อนที่พวกเราจะร่วมทำกิจกรรม ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย และพวกเราต้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดม่อฮ่อม และมีล็อคเกอร์ไว้เก็บสัมภาระให้บริการ
กิจกรรมแรกที่พวกเราทำ คือ การเก็บไข่เป็ด
เจ้าหน้าที่ให้พวกเรานั่งรถอีแต๋นมายังเล้าเป็ด
ก๊าบ....ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอย ปู ปลา
นี่ไง ฝูงเป็ดมาเล่นน้ำอยู่ในคลองนี่เอง
จำนวนไข่เป็ดที่พวกเราเก็บได้ เค้าบอกกันว่า ไข่เป็ดที่นี่สด และอร่อย อยากลองชิม เราก็สามารถซื้อกลับบ้านไปเป็นของฝากได้ด้วย
กิจกรรมต่อไป เราไปเยี่ยมชม แปลงปลูกผัก ผักของโครงการฯ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปลอดภัยไร้สารพิษ
ผักที่ปลูกมีนานาชนิด อย่างเช่น ผักบุ้ง กินผักบุ้ง ช่วยบำรุงสายตา รักษาอาการตาต้อ ตาฝ้าฝาง ตาแดง สายตาสั้น อาการคันนัยน์ตาบ่อยๆ สรรพคุณของผักบุ้งมีอีกหลายอย่าง ลองไปหาข้อมูลกันดู เมนู สุดฮิต ต้องผักบุ้งไฟแดง เมนูที่ใครๆ ก็ต้องสั่ง หรอยจังฮู้
ผักที่เราคุ้นเคย เวลาเราสั่ง สลัดผัก ท่าทางผักจะกรอบ หวาน อร่อย แน่ๆ แถมไร้สารพิษด้วย
พืชผักสวนครัว ก็มี ต้นนี้ พริกชี้ฟ้า
ผักสวนครัว ชนิดนี้ เราไม่ค่อยจะได้เห็น มีชื่อว่า “ถั่วพูสีม่วง” เราจะเห็นแต่ถั่วพูที่มีฝักสีเขียว นำมาจิ้มน้ำพริก เด็ดสะระตี่ เลยขอบอก
กิจกรรมต่อไป เราไปชมโรงสีข้าว และการคัดเมล็ดข้าว
การคัดเมล็ดข้าวทางโครงการฯ จะใช้คนในการคัดเมล็ดข้าว ต้องมีความชำนาญ เพราะเมล็ดข้าวรูปร่าง ลักษณะ จะคล้ายๆ กัน จะมีต่างกันเล็กน้อย
เมล็ดข้าวที่คัดออก จะเป็นข้าวเปลือก เมล็ดลีบ ปลายเมล็ดข้าวเป็นสีดำ
กิจกรรมต่อไป คือ ขี่ควาย
ควายที่นำมาให้พวกเราได้ขี่ จะถูกฝึกมาเป็นอย่างดี คุ้นเคยกับคน ไม่ทำอันตราย แต่เราอย่าไปหยอกล้อ ให้ควายหงุดหงิด หรือโกรธ จะเป็นอันตรายแก่เราได้
ที่นี่ จะมีควายเผือก รูปทรงสง่า เขาควาย เป็นคันธนู สวยงาม การขี่ควายเราไม่สามารถมาขี่โดยลำพัง ต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ เพราะอาจเกิดอันตรายได้
กิจกรรมสุดท้าย คือ การดำนา
ทางโครงการฯ ได้เตรียมต้นกล้า นาข้าว ไว้ให้พวกเราสัมผัสชีวิตชาวนา
ดำนาไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องยาก การปลักต้นกล้า ลงไปในแปลงนาข้าว ให้เรียงเป็นแถวแนวตรงยาว เหมือนที่เราเคยเห็นชาวนาเค้าทำกัน บอกเลยว่ายากจริงๆ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน นี่คือ ชีวิตของชาวนา
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล และติดต่อร่วมทำกิจกรรมได้ที่ โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย เบอร์โทร 055-647290 โทรสาร 055-647145 เว็บไซต์ http://kaohomsukhothai.in.th/
สถานที่ต่อไป คือ ศูนย์การเรียนรู้ทางวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวไทยพวน บ้านหาดเสี้ยว
เที่ยวชม และฟังการบรรยายเกี่ยวกับผ้าทอพื้นเมืองของชุมชนบ้านหาดเสี้ยว โดย ปราชญ์ชาวบ้าน นายสาธร โสรัจประสพสันติ หรือ ลุงสาธร ณ สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำบ้านหาดเสี้ยว ติดต่อสอบถามรายละเอียด เบอร์โทร 055-671143 โทรสาร 055-630119 เว็บไซต์ http://www.sathorngoldtextilemuseum.com/
สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ บ้านหาดเสี้ยว มีการจัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของผ้าทอลายโบราณของชาว ไทยพวน บ้านหาดเสี้ยว ไว้อย่างครบครัน อาทิ จกเก้าลายบ้านหาดเสี้ยว ผ้าที่ใช้ในพิธีบวชนาคด้วยขบวนช้าง ผ้าที่ใช้ในพิธีแต่งงาน ซึ่งล้วนเป็นเอกลักษณ์ผ้าทอมือของชาวไทยพวน บ้านหาดเสี้ยว ที่สืบทอดกันมานับร้อยๆ ปี
ภายในบริเวณ มีพิพิธภัณฑ์เรือนโบราณของชาวไทยพวน ให้เยี่ยมชมอีกด้วย
ผ้าทองคำ ผืนนี้ เป็นผ้าซิ่นทองคำจากราชสำนักเชียงตุง นายสาธรได้ซื้อมาในราคา 150,000 บาท เพื่อมาเก็บอนุรักษ์ไว้ ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา
ผ้าทองคำ ผืนนี้ นายสาธร สร้างขึ้นมาใหม่ มีมูลค่า 380,000 บาท
ผลิตภัณฑ์ฯ แห่งนี้ ได้รวบรวมผ้าทอชนิดต่างๆ เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ผ้าทอเก่าโบราณ จากทั่วประเทศไทย
ผ้าทอ 2 ผืนนี้ เป็นซิ่นลาวครั่ง บ้านสระยายชี จ.พิจิตร และบ้านหนองกระดูกเนื้อ จ.นครสวรรค์
ทาง สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ บ้านหาดเสี้ยว ยังมีจำหน่ายผ้าทอมือ ชนิดต่างๆ ให้เลือกซื้อ โดยเฉพาะ ผ้าจกเก้าลายหาดเสี้ยว ของเด่นของดังผ้าทอหาดเสี้ยว ในราคาย่อยเยาว์ เหมาะแก่ผู้ชื่นชอบผ้าทอ และยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วย
สถานที่ต่อไป คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร
ตั้งอยู่ที่ หมู่ 6 ตำบลศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร หรือ วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง และเรียกอีกชื่อว่า วัดพระปรางค์ เป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ และเป็นพระอารามหลวงชั้นราชวรวิหาร
โบราณสถานภายในวัด ได้แก่ ปรางค์ประธาน ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน ลักษณะรูปแบบเป็นสถาปัตยกรรม จัดอยู่ในสมัยอยุธยา บริเวณเรือนธาตุด้านหน้ามีบันไดขึ้นองค์ปรางค์สู่ซุ้มโถง ด้านหน้าองค์พระปรางค์ ประดิษฐานหลวงพ่อโต ศิลปะสุโขทัย ปางวิมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.08 เมตร
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร ถือได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
สถานที่ต่อไป คือ ศึกษาดูงาน แหล่งทำเครื่องทองสุโขทัย
ชมวิธีการทำทองแบบโบราณ การถักเส้นทอง การแต่งลายทอง และการทำทองลงยา ณ บ้านทองสมสมัย
ตั้งอยู่เลขที่ 343/1 หมู่ 5 ต.ทำชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 055-679095, 055-6799097, 055-631603 โทรสาร 055-631604 เว็บไซต์ http://www.somsamaigold.com/
ทองสุโขทัย หรือผู้คนทั่วไปนิยมเรียกกันจนติดปากว่า “ทองโบราณ” ก็คือ ทองสุโขทัยที่ทำลวดลายแบบทองโบราณ โดยใช้ทองเปอร์เซ็นต์สูงถึง 99.99% ในการผลิตชิ้นงาน และเป็นงานหัตถกรรมที่ผลิตด้วยมือทุกชิ้น
ลวดลายทองโบราณ ของ บ้านทองสมสมัย จะปราณีตทุกชิ้น แบบต่างๆ จัดทำขึ้นตามรายการสั่งซื้อของลูกค้า
บ้านทองสมสมัย ไม่ได้รับรายการสั่งซื้อจากลูกค้าเท่านั้น ยังมีจำหน่ายหน้าร้าน ทั้งทองรูปพรรณ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ กำไล ต่างหู และเครื่องประดับต่างๆ มีให้เลือกมากมาย และลวดลายโบราณสวย เนื้อทองแท้ถึง 99.99% มีที่นี่เดียว ทองสุโขทัย
ทางร้านได้อนุญาต ให้เราบันทึกภาพถ่าย และยังนำเสนอชุดเครื่องทองลายใหม่ มีทั้งสร้อยคอ กำไล และแหวน คงไม่ต้องบอกมูลค่าว่าเท่าไหร่ แต่ดูความปราณีตในงานฝีมือแบบนั้แล้วรับรองว่าคุ้มค่า
ภายในบ้านทองสมสมัย ไม่ได้มีจำหน่ายแต่เพียงเครื่องทอง ยังมีจำหน่ายเครื่องเงินแท้ด้วย ลวดลายงดงาม สวยไม่แพ้เครื่องทองเลยทีเดียว
อยากรู้วิธีการทำทองแบบโบราณ การถักเส้นทอง การแต่งลายทอง และการทำทองลงยา ต้องมาที่นี่ที่เดียว ทองโบราณ ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
สถานที่สุดท้ายที่เราจะเที่ยวชม ก่อนที่จะเดินทางกลับ นั่นคือ ไหว้สักการะขอพร พระพุทธปฏิมาเมตตาทันใจสุโข
ตั้งอยู่บริเวณภายในสนามบินสุโขทัย
พระเจ้าทันใจองค์นี้ ได้สร้างตามแบบพระพุทธปฏิมาปรางค์ตรัสรู้ตามแบบอินเดีย หรือที่คนไทยเรียกว่า พุทธเมตตา ขนาดหน้าตัก 3 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้า พระอัครสาวกอรหันต์ธาตุ พระอรหันต์ธาตุ รวมแล้ว 13 พระองค์
พระเจ้าทันใจ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ว่ากันว่า เป็นสุดยอดแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในการอธิษฐาน ด้วยความที่อธิฐานแล้ว ได้ผลลัพธ์ทันตาเห็นผลทันใจ จึงเป็นที่นิยมกราบไหว้ของปวงชนทั่วไป
ได้เวลากลับกรุงเทพฯ เราทำการเช็คอินที่ท่าอากาศยานสุโขทัย ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ภายในสนามบินจะมีเล้าจ์ของบางกอกแอร์เวย์ให้บริการ อย่าลืมลองชิมข้าวต้มมัด ขอบอกอร่อยมาก
ได้เวลาขึ้นเครื่อง เรากลับเที่ยวบินที่ PG 214 เวลา 17.00 – 18.15 น. อาหารว่าง เสิร์ฟด้วยขนมปังหน้าลาบไก่ พร้อมเสิร์ฟผลไม้ตามฤดูกาล ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 15 นาที
เที่ยวไป เรียนรู้ไป กับเมืองแห่งประวัติศาสตร์สุโขทัย ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ได้ทราบเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองสุโขทัย เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ความงดงามของโบราณสถานอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กราบนมัสการ หลวงพ่อโต ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร ไหว้พระขอพร พระพุทธปฏิมาเมตตาทันใจ สุโข ณ สนามบินสุโขทัย ทำกิจกรรมการเกษตรที่น่าสนใจ อาทิ นั่งรถอีแต๋น ชมโรงสีข้าว และโรงคัดเมล็ดข้าว เก็บไข่เป็ด ชมแปลงปลูกผัก ปลอดสารพิษ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ดำนา ขี่ควาย ณ โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย ชมผ้าทอทองคำ และผ้าทอพื้นเมืองของชุมชนไทยพวน บ้านหาดเสี้ยว ณ สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำบ้านหาดเสี้ยว และชมแหล่งทำเครื่องทองสุโขทัย ณ บ้านทองสมสมัย
นอกจากท่องเที่ยวอย่างเดียว เราได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้น ที่เค้าว่ากันว่า ออกมาเรียนรู้โลกกว้าง เราจะได้มากกว่าในหนังสือที่อ่าน ความสุขที่แท้จริง คือ การที่เราได้ออกมาสัมผัสเอง อย่าปล่อยให้เวลาหมดไปกับการทำงาน หาเวลาว่างออกมาพักผ่อน ผ่อนคลายสมอง ชาร์ตแบตให้กับร่างกายของเรา แล้วกลับไปลุยงานกันต่อ
ขอขอบคุณทาง สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุม และนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.)ที่จัดทริป สุโขทัย 3 วัน 2 คืน ให้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยที่สวยงามอีกสถานที่หนึ่ง เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ซึ่งเป็นตัวเลือกของการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อเป็นรางวัลที่ดีจังหวัดหนึ่ง ที่นักเดินทางกลุ่มไมซ์ และนักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ควรมองข้าม
แสดงความคิดเห็น