DAY 3
เช้าวันนี้ผมตื่นมาด้วย ความหนาวเย็น อากาศที่ฟุกุโอกะช่วงเดือน มค ช่างหนาวเหลือเกิน ความหนาวเย็น ที่ปกคลุมด้านนอกทำเอา ผ้าห่มผืนใหญ่ของผมกันไว้ไม่อยู่ ความหนาวที่มาปลุกเราตั้งแต่เช้า ทำให้เช้านี้ผมต้องตื่นมา ต้มน้ำเพื่อดื่มคลายหนาว ก่อนที่จะแต่งตัวแล้วเตรียมออกเดินทางไปยัง เมืองหมีดำ หรือเมือง คุมาโมโต้ นั้นเอง
สำหรับใครดูที่มือถือ รูป อาจจะดูแปลกๆนะครับ
การเดินทางไปยังเมืองคุมาโมโต้ คราวนี้ผมยังใช้บัตร JR Northern Kyushu pass เช่นเดิม สำหรับ การไปเมือง คุมาโมโต้ นั้น เรียกว่า ถ้าใครซื้อบัตร JR มานั้นจะคุ้มมาก เพราะ ราคาที่ซื้อมาจะเหมารวมรถไฟชิงคังเซ็นไปยัง เมืองคุมาโมโต้ด้วย เรียกว่า แค่เดินทางมายังเมืองนี้ก็แทบคุ้มกับ บัตรที่ซื้อมาแล้วครับ
พอมาถึงยังสถานีคุมาโมโต้ ขั้นแรก ก็ต้องหาซื้อตัว Kumamoto City Tram ซึ่งมีไว้ใช้โดยสารรถรางภายในเมืองคุมาโมโต้นั้นเอง โดยตั๋วโดยสารจะมีสองแบบ แบบซื้อทีละเที่ยว หรือ ซื้อแบบเหมาจ่ายรายวัน(ราคา500เยน) ส่วนตัวผมมองว่าซื้อแบบ เหมารายวันดีกว่าครับ ไม่แพงและคุ้มมาก นั่งรถรางไปได้ทั่วเมืองเลย สำหรับสถานทีขายบัตร แนะนำให้ถาม พนักงาน ได้เลยครับ เค้าจะชี้จุดจำหน่ายตั๋วให้เราไปซื้อครับ แล้วเค้าก็จะให้เราขูด วันที่เราต้องการใช้
ปล ตั๋วรถรางสามารถเอาไปลดค่า เข้าปราสาทได้ด้วยนะครับ
สำหรับใครอยากได้ของฝาก หรือขนมน่ารักน่ารักติดมือ ก็แวะมา ซื้อก่อนได้นะครับ
สำหรับ รถราง ที่นี่ จะมีป้าย สองสีนะครับ จะมีสีฟ้า และสีแดง ให้เราดูดีดีนะครับ แดงคือสาย A ส่วนน้ำเงินคือ สาย B และภายนอกรถรางจะแต่ง ลวดลายสวยงามมากๆครับ
ผมขอแปะตาราง รถรางไว้ให้นะครับ เผื่อใคร เดินทางก็เซฟ ไว้ก่อนไปเที่ยวนะครับ จะได้ดูเส้นทางได้ สำหรับ การเดินทาง หลายๆคน มักจะนั่งรถรางไปลง หมายเลข10 กันซะส่วนมากแล้วเดินขึ้นปราสาท แต่จริงๆยังมีอีกเส้นทางนึง ที่สะดวก แล้วเดินไม่ไกล มาก คือเส้น หมายเลข 8 กับหมายเลข9 แล้วให้เดินไป kotsu center นั้นเอง ที่นั้น จะมีรถเมล์ฟรี ไปยังด้านบน ปราสาทเลย ไม่ต้องเดินให้ไกลเลยครับ โดยผมจะมาใช้เส้นทางนี้กันครับ
เมื่อเราลงจากรถให้ เดินเข้ามาตามทางเรื่อยๆจะเจอรูปปั้น ด้านหน้า
เดินมาอีกนิดจะเจอร้านค้าแบบนี้ ครับ ตรงด้านในจะมีท่ารถฟรี เพื่อ นั่งไปยังปราสาทได้ ครับ ส่วนใครจะแวะซื้อของฝาก หรือ แวะทานขนม หรือทานข้าวก็ ได้เลยครับ
เมื่อแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อของ กันเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมนั่งรถขึ้นไปยังปราสาม คุมาโมโต้กันเลย
ใช้เวลาไม่นานนัก ก็มาถึงที่ตัวทางเข้าปราสาทแล้วครับ
ท้องฟ้าวันนี้ ช่างเป็นใจ ให้พาเดินได้เต็มที่เหลือเกิน ตัวปราสาท คุมาโมโต ก็ใหญ่ โตสวยงามยิ่งนัก
เมื่อเดินทางเข้ามาด้านใน ทำให้ผม ได้เห็นกับความยิ่งใหญ่ในสมัยก่อน ความยิ่งใหญ่ ของตัวปราสาทแห่งนี้ที่สวยงามจนทำเอาผมได้แต่มอง นานแสนนาน
พอเข้ามาเดินเล่นไม่นาน ผมได้แต่เพียงคิดว่าหากใครมี เวลาในการมาเที่ยว ฟุกุโอกะ ผมอยากให้ลองนั่งรถไฟเลยมาเที่ยวเมืองนี้กันนะ
จากนั้น ผมลองเดินเข้าไปด้านในตัวปราสาท ภายในมีเรื่องราวบอกเล่าถึงประวัติต่างๆ รวมทั้งแบบจำลองการก่อสร้าง ปราสาทแห่งนี้ด้วย
มีทั้งภาษา ญี่ปุ่น รวมทั้งภาษาอังกฤษ สำหรับคนที่อยาก อ่านข้อมูลต่างๆ และที่สำคัญ ตามประวัติแล้ว ปราสาทแห่งนี้ ถูกปกครองตระกูลใหญ่ที่ครอบครองและดูแลปราสาท ช่วงแรกคือตระกูลคาโตะ (Kato) โดยท่านคาโตะ คิโยมาสะ ไดเมียวในขณะนั้นซึ่งได้บูรณะและปรับปรุงตัวปราสาทเพิ่มเติม (รูปแบบตามที่เห็นในปัจจุบัน) ต่อมาปราสาทก็ตกอยู่ในการดูแลของตระกูลโฮโซกาวะ (Hosogawa) ที่เข้ามามีอำนาจปกครองเมืองคุมาโมโตะแทน ต่อมาไม่นาน ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกไฟไหม้เผาทำลายไปเกือบหมด จึงได้ทำการก่อสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ให้ได้ตามเค้าโครงสมัยตระกูลคาโตะ
แบบจำลองที่แสดงถึงความละเอียดของปราสามแห่งนี้
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบน จะพบเจอจุดชมวิว ที่สวยงาม สามารถมองเห็น เมือง คุมาโมโต้ เกือบทั้งเมืองเลย
จากนั้นผมออกมาด้านข้างของปราสาท ด้านในจะมีจุดให้เข้าชมต่างๆอีกด้วย จุดแรกที่สำคัญคือ บอกเรื่องราวของ ปราสาทแห่งนี้ ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่ใช้ตะปูเลย ในการก่อสร้าง
เมื่อเดินเข้ามา จะเป็นลานโล่ง ส่วนตรงนี้ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น ที่พักของไดเมียว หรือ สำหรับแขกบ้านแขกเมืองนั้นเอง
ยังมีภาพวาดที่สวยงาม อีกด้วย
เป็นสีทอง สวยงาม มากๆครับ แม้การตกแต่งที่เรียบง่าย แต่ทำออกมา ดูหรูหรา ตลอดรอบๆห้อง
หลังจากชมทั่วๆ ปราสาทแล้ว ผมก็กลับไปยังจัดรอรถเพื่อนั่งรถลงมายังที่เดิม ก่อนออกเดินทางไปจุดอื่นๆ ผมก็ขอแวะทานทาโกะ ร้อนๆก่อน ^_____^
จุดหมายต่อไปที่ผมจะไป ก็คือ สวนซุยเซนจิ Suizenji Park การเดินทางมายังสวนแห่งนี้ไม่ยากเลย เพียง นั่งรถรางไฟฟ้า มายัง ป้าย Suizenji Park หรือ หมายเลข18 นั้นเอง จากนั้นก็เดินเข้ามาอีกไม่ไกล ครับ จะเจอสวนแห่งนี้ แล้ว
สำหรับสวน Suizenji Park นั้นยังเป็นสวนที่ติด 1ใน3 สวนที่ควรค่าแห่งการไปเยือนในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งทำให้ ไม่ควรพลาด การมาเยือนที่นี่เลย
เข้ามาภายใน จะมีศาลเจ้าใหญ่ ให้แวะมาขอพรกันได้
ยังมีป้าย ขอพรให้ ซื้อมาแขวน ขอพรกันได้
นอกจากศาลเจ้าใหญ่แล้ว ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ อีก จุดนึง ใกล้ๆกัน
สำหรับสวนแห่งนี้ ยังมีการจำลอง ภูเขาไฟฟูจิ อีกด้วย
เหมือนภูเขาไฟฟูจิไหมครับ
ด้านข้างยังมีการจำลองสระน้ำ รอบๆ ด้วย สระน้ำแห่งนี้ ยังเป็นที่รวบรวมสัตว์ต่างๆ ทั้งเป็น นก และปลาคราฟอีกด้วย
ผมไม่แปลกใจเลย ว่าช่วงวันหยุดจะมีครอบครัว ชาวญี่ปุ่น ออกมาเที่ยวพักผ่อนกัน ที่สวนแห่งนี้กันมากมาย สำหรับผม สวนแห่งนี้เป็นสวนที่เงียบสงบ และยังมีมุมน่ารักๆน่ารักอีกหลากหลายมุม และยังเป็นสวนที่เหมาะกับการพาครอบครัวมาพักผ่อนจริงๆครับ
จากสวน Suizenji Park ผมกลับมายังย่านช็อปปิ้งของเมืองนี้ เพื่อเดินซื้อของ ก่อนกลับไปยังฟุกุโอกะ ซึ่งในนี้ยังมีของแบรนด์เนม หลากหลาย ยี่ห้อให้เดินเลือกซื้อของกัน และยังมีร้านอาหารอร่อยๆอีกหลายๆ ร้าน วิธีการมา ไม่ยากเลย ให้นั่งรถราง มาลงยัง สถานี Keitokukchi-mae ก็จะมาพบกับ ที่ช็อปปิ้งแห่งนี้แล้วครับ 

ด้านในยังมีบาร์หมีดำอีกด้วย ใครรักเจ้าหมีดำ ก็แวะเข้าไปได้นะครับ
สำหรับมื้อเย็นนี้ ผมเลือกทานซูชิ กันครับ เรียกว่า สั่งมาทานแบบเต็มๆเลย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย
สำหรับทริป เมือง คุมาโมโต้ ก็คงหมดลงเท่านี้ครับ ถ้าเพื่อนๆ แวะมาเที่ยวเมืองนี้ก็อย่าลืมซื้อเจ้าหมีดำ ไปเป็นของฝากกันนะครับ ^^ สำหรับใครอยาก อ่านรีวิวเก่าๆ เกี่ยวกับเมืองฟุกุโอกะ ก็ ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ
DAY1: ฟุกุโอกะ - ดาไซฟุ (FUKUOKA - DAZAIFU) กับทริป สบายๆ รวมตั๋วเครื่อง รวมอาหาร ค่าที่พัก และ รวมค่าเที่ยวทุกอย่างแล้ว 4 วัน 5 คืน ไม่เกิน 18,000 บาท
DAY2: ฟุกุโอกะ - ยูฟูอิน (FUKUOKA - YUFUIN) กับทริป สบายๆ รวมตั๋วเครื่อง รวมอาหาร ค่าที่พัก และ รวมค่าเที่ยวทุกอย่างแล้ว 4 วัน 5 คืน ไม่เกิน 18,000 บาท
DAY4: ฟุกุโอกะ - ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ ไร่สตอเบอรี่ ช็อปปิ้งTOSU PREMIUM OUTLETS (FUKUOKA - HIZEN - KASHIMA,TOSU)
ตามมาเที่ยวภาคต่อค๊าา :D
ตอบลบเป็นเมืองที่น่าสนใจเมืองหนึ่งเลยค่ะ
ตอบลบแสดงความคิดเห็น